การดูแลสุขภาพฟันของผู้สูงอายุ

ความสำคัญของการแปรงฟัน ตรวจฟัน และโภชนาการที่ช่วยดูแลช่องปาก เมื่ออายุเพิ่มขึ้น สุขภาพช่องปากเป็นสิ่งที่ผู้สูงอายุจำนวนมากมองข้าม ทั้งที่จริงแล้ว “ช่องปาก” มีผลโดยตรงกับคุณภาพชีวิต เช่น ความสามารถในการเคี้ยวอาหาร การสื่อสาร ความมั่นใจ และสุขภาพร่างกายโดยรวม ผู้สูงอายุมีความเสี่ยงสูงต่อฟันผุ เหงือกอักเสบ ปากแห้ง และการติดเชื้อในช่องปาก เพราะมีทั้งการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย การใช้ยา และปัญหาทางโภชนาการ ดังนั้นการดูแลช่องปากอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง

สาเหตุหลักที่ทำให้ผู้สูงอายุมีปัญหาฟันและช่องปากมากขึ้น

1. เหงือกร่นตามวัย (Gum Recession)

เมื่ออายุมากขึ้น เหงือกจะค่อย ๆ ลดระดับลงจนทำให้รากฟันโผล่ออกมา

  • ทำให้ฟันไวต่อความเย็น/ร้อน

  • เพิ่มโอกาสฟันผุบริเวณรากฟัน

  • ทำให้ฟันโยกง่าย

2. ปากแห้งจากการใช้ยา (Dry Mouth)

ผู้สูงอายุหลายคนใช้ยาประจำ เช่น ยาความดัน ยาโรคหัวใจ ยาแพ้ และยาซึมเศร้า ซึ่งมีผล “ลดการผลิตน้ำลาย”
น้ำลายคือเกราะป้องกันฟันตามธรรมชาติ หากลดลงจะทำให้

  • ฟันผุง่าย

  • มีกลิ่นปาก

  • พูด/กลืนลำบาก

  • เสี่ยงเชื้อราในปาก (Oral Thrush)

3. เคี้ยวอาหารไม่ได้จากฟันหลุดหรือใส่ฟันปลอมไม่พอดี

ส่งผลต่อโภชนาการ เพราะ

  • กินผัก ผลไม้แข็งไม่ได้

  • ต้องเลือกอาหารหวานหรืออ่อน ซึ่งเสี่ยงฟันผุ

4. การละเลยการตรวจฟัน

ผู้สูงอายุส่วนใหญ่ไปพบหมอน้อยลง เพราะ

  • เดินทางลำบาก

  • มองว่า “ไม่จำเป็น” เพราะไม่มีฟันอยู่แล้ว
    แต่จริง ๆ แม้ไม่มีฟัน ก็ยังต้องตรวจเหงือก ลิ้น และมะเร็งช่องปาก

วิธีแปรงฟันและดูแลช่องปากที่ถูกต้องสำหรับผู้สูงอายุ

1. ใช้แปรงสีฟันขนนุ่มพิเศษ (Extra Soft)

ป้องกันเหงือกอักเสบและลดอาการเสียวฟัน
ควรเปลี่ยนแปรงทุก 3 เดือน

2. ใช้ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ 1,000–1,500 ppm

ช่วยลดการเกิดฟันผุและป้องกันรากฟันผุ
กรณีมีอาการเสียวฟันให้เลือกสูตรลดเสียวฟันเพิ่มเติม

3. เทคนิคการแปรงฟันที่เหมาะกับผู้สูงอายุ

  • วางแปรงเอียง 45° แตะแนวเหงือก

  • แปรงแบบหมุนเป็นวงเล็ก ๆ

  • หลีกเลี่ยงการ “ถูแรง ๆ ไปมา” เพราะทำให้เหงือกร่น

  • แปรงอย่างน้อย 2 นาที

4. ใช้ไหมขัดฟันหรือแปรงซอกฟันขนาดเล็ก

ผู้สูงอายุมีเหงือกหดจึงมีช่องว่างระหว่างฟันกว้างขึ้น
แปรงซอกฟันจึงเหมาะกว่าการใช้ไหมในบางกรณี

5. ดูแลฟันปลอมอย่างถูกวิธี

  • ถอดทำความสะอาดทุกครั้งหลังอาหาร

  • แช่น้ำยาทำความสะอาดฟันปลอมทุกคืน

  • ไม่ควรใส่นอน เพราะทำให้เหงือกอักเสบและติดเชื้อรา

  • ตรวจเช็กฟันปลอมทุกปีเพื่อให้กระชับพอดี

โภชนาการสำหรับสุขภาพช่องปากของผู้สูงอายุ

อาหารที่ควรกิน

  • ผลไม้เนื้อนุ่ม เช่น กล้วย ส้ม มะละกอ

  • ปลา หรือโปรตีนย่อยง่าย

  • ผักนึ่ง

  • น้ำเปล่าแทนน้ำหวาน

  • นมและผลิตภัณฑ์นม เพื่อเสริมแคลเซียม

อาหารที่ช่วยเพิ่มน้ำลาย

  • อมลูกอมปราศจากน้ำตาล

  • เคี้ยวหมากฝรั่ง xylitol

  • ดื่มน้ำบ่อย ๆ

อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง

  • ขนมหวานเหนียว เช่น ท็อฟฟี่

  • น้ำอัดลม

  • อาหารแข็งมาก เช่น ถั่วแข็ง กระดูกอ่อน

  • อาหารรสจัดที่กระตุ้นแผลในปาก

การตรวจสุขภาพช่องปากที่ผู้สูงอายุควรได้รับ

ตรวจเช็กทุก 6 เดือน

ควรตรวจ

  • ฟันผุ

  • เหงือกอักเสบ

  • เชื้อราในปาก

  • รากฟันผุ

  • ฟันปลอมพอดีหรือไม่

ตรวจมะเร็งช่องปากอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง

หมอจะตรวจบริเวณ

  • ลิ้น

  • เหงือก

  • กระพุ้งแก้ม

  • เพดานปาก

ผู้สูงอายุที่สูบบุหรี่หรือดื่มสุราจัดต้องตรวจบ่อยขึ้น

วิธีดูแลผู้สูงอายุที่ไม่สามารถแปรงฟันเองได้

1. ผู้ดูแลต้องช่วยแปรงฟันอย่างอ่อนโยน

ให้ผู้สูงอายนั่งเก้าอี้ หรือนอนตะแคงเพื่อป้องกันสำลัก

2. ใช้ผ้าก๊อซชุบน้ำเช็ดฟันและเหงือก

เหมาะกับผู้สูงอายุที่เคี้ยวไม่ได้ หรือใส่ท่อให้อาหาร

3. ดูแลเรื่องความปลอดภัย

  • อย่าใช้แปรงขนแข็ง

  • หลีกเลี่ยงยาสีฟันปริมาณมาก (ลดการสำลัก)

สรุป

สุขภาพช่องปากเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามสำหรับผู้สูงอายุ การดูแลที่ดีไม่เพียงช่วยให้ทานอาหารได้ดีขึ้น แต่ยังลดความเสี่ยงโรคร้ายแรง เช่น การติดเชื้อ หรือมะเร็งช่องปาก การแปรงฟันอย่างสม่ำเสมอ ตรวจฟันเป็นประจำ และเลือกรับประทานอาหารที่ดี ล้วนเป็นปัจจัยที่ช่วยให้ผู้สูงอายุมีชีวิตที่มีคุณภาพและมีความสุขมากขึ้น

แชร์บทความให้ความรู้

Facebook
Email
Threads
X