การป้องกันภาวะขาดน้ำและขาดสารอาหาร

ผู้สูงอายุมีความเสี่ยงต่อภาวะขาดน้ำและขาดสารอาหาร/โภชนาการไม่เพียงพอมากกว่ากลุ่มอายุน้อย เพราะการรับรู้ความกระหายน้ำลดลง การเคลื่อนไหวน้อยลง ฟัน/เหงือก/กลืนลำบาก และโรคประจำตัว + ยาที่รับประทานได้เปลี่ยนสมดุลน้ำ-สารอาหาร จึงสำคัญมากที่จะมีแผนป้องกันเชิงรุก — ด้านล่างเป็นแนวทางปฏิบัติที่ครบถ้วน ทั้งสำหรับผู้สูงอายุและผู้ดูแล

1) ทำความเข้าใจความเสี่ยงและสัญญาณเตือน

  • ความเสี่ยงสำคัญ: อายุสูง, โรคเรื้อรัง (เบาหวาน, หัวใจ,ไต), ยาบางชนิด (ยาขับปัสสาวะ, ยาคลายเครียด/ยาต้านฮิสตามีน, ยากดประสาท), เบื่ออาหาร, ปัญหาการกลืน, ความเคลื่อนไหวน้อย, มีไข้/ท้องเสีย/อาเจียน

  • สัญญาณขาดน้ำ (mild → severe): ปากแห้ง, ผิวหนังยืดช้าลง, วิงเวียน/หน้ามืดเมื่อลุก, ปัสสาวะสีเข้ม/ปริมาณน้อย, ตาลึก, เบื่ออาหาร, หงุดหงิด/งงสับสน และในภาวะรุนแรงอาจมีความดันต่ำ ชีพจรเร็ว สลบ

  • สัญญาณขาดสารอาหาร: น้ำหนักลดโดยไม่ได้ตั้งใจ (>5% ใน 1 เดือน หรือ >10% ใน 6 เดือน เป็นสัญญาณน่ากังวล), อ่อนแรง กล้ามเนื้อลีบ แผลหายช้า ภูมิต้านทานต่ำ เหนื่อยง่าย

2) ประเมินภาวะเบื้องต้น (screening & monitoring)

  • ติดตามน้ำหนักสม่ำเสมอ: ชั่งน้ำหนักสัปดาห์ละครั้งในสภาพเดียวกัน (เช้า หลังเข้าห้องน้ำ ก่อนอาหาร) — น้ำหนักลดเร็วเป็นสัญญาณ

  • แบบคัดกรองโภชนาการ: เช่น MNA (Mini Nutritional Assessment) หรือดูการกิน (อาหารน้อยลงกว่าเดิม กินน้อยลงเรื่อย ๆ)

  • ติดตามปริมาณน้ำเข้า-ออก: บันทึกปัสสาวะ/ของเหลวสำหรับผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูง

  • สังเกตปัสสาวะ: สี (เข้ม = ขาดน้ำ) และความถี่ (ลดลง)

  • เมื่อต้องการการวินิจฉัยทางการแพทย์: แพทย์อาจดูผลเลือด (BUN/creatinine, ความเข้มข้นเลือด Na) และการตรวจสภาพทั่วไป

3) เป้าหมายปริมาณสารอาหารและน้ำ (แนวทางทั่วไป)

แจ้งเตือน: ปรับตามภาวะโรคประจำตัว (หัวใจล้มเหลวหรือไตวายอาจต้องจำกัดน้ำ/โซเดียม) ให้แพทย์/นักโภชนาการเป็นผู้กำหนดค่าที่เหมาะสม

  • น้ำ: เป้าหมายทั่วไปประมาณ 25–30 mL/กก./วัน (สำหรับผู้สูงอายุที่ไม่มีข้อจำกัด)

  • พลังงาน: ประมาณ 25–30 kcal/กก./วัน

  • โปรตีน: แนะนำสูงกว่าผู้ใหญ่ทั่วไปเพื่อป้องกันการสูญเสียมวลกล้ามเนื้อ ช่วง 1.0–1.2 g/กก./วัน (บางรายต้องการ 1.2–1.5 g/กก./วันตามสภาพ)

  • วิตามิน/แร่ธาตุ: เน้นแหล่งเหล็ก แคลเซียม วิตามิน D วิตามิน B12 และสังกะสีตามความจำเป็น

4) กลยุทธ์ปฏิบัติสำหรับการดื่มน้ำ (การกระตุ้นให้ดื่ม)

  • ตั้งเตือนเป็นระบบ: เตือนทุก 1–2 ชั่วโมง โดยใช้มือถือ นาฬิกาเตือน หรือป้ายในห้อง — แต่ถ้าผู้ใช้ไม่ชอบเสียง ให้ใช้การเตือนแบบเบา ๆ

  • แบ่งเป็นจิบ ๆ ตลอดวัน: 100–150 mL ทุก 1–2 ชั่วโมง ย่อมดีกว่าดื่มครั้งเดียวมาก ๆ

  • ใช้แก้วที่ชอบ / หลอดดูด: แก้วที่มีสเกล ปากไม่ต้องยกสูง หรือหลอดจะช่วยให้ดื่มสะดวก

  • เพิ่มรสโดยปลอดภัย: น้ำใส่ผลไม้หั่น (มะนาว แตงโม) หรือน้ำผลไม้เจือจาง น้ำซุปใส น้ำเต้าหู้ — เพื่อให้ดื่มง่ายขึ้น

  • เหลวมีพลังงาน: สำหรับผู้ที่รับประทานอาหารน้อย ให้เลือกเครื่องดื่มให้พลังงาน เช่น นมถั่วเหลือง/นมไขมันต่ำ หรือสมูทตี้ที่ผสมผงโปรตีน

  • ของเหลวที่ควรระมัดระวัง: กาแฟ/ชา/แอลกอฮอล์ มีฤทธิ์ขับปัสสาวะบ้าง — ไม่ควรเป็นแหล่งน้ำหลัก

5) กลยุทธ์ป้องกันขาดสารอาหาร (อาหารและการจัดมื้อ)

  • แบ่งมื้อเป็นมื้อเล็ก 4–6 มื้อต่อวัน: แทนมื้อใหญ่อาจกินไม่ไหว (เช่น เช้า–สาย–เที่ยง–บ่าย–เย็น)

  • อาหารนุ่ม ย่อยง่าย: ข้าวต้ม โจ๊ก ผักสุก นม โยเกิร์ต ไข่ตุ๋น เนื้อสับใส่ซุป — เหมาะกับผู้กลืนลำบาก

  • เพิ่มความหนาแน่นของพลังงานและโปรตีน: ถ้ากินได้น้อย ให้เพิ่มปริมาณพลังงานต่อคำ เช่น ใส่นมผง ครีมแทนเนย เพิ่มถั่วบด/เนยถั่ว ใส่ไข่เพิ่มโปรตีน

  • ของว่างคุณค่า: โยเกิร์ต ถั่วบด สมูทตี้ผลไม้ (ผสมผงนม/โปรตีน) ขนมปังทาเนยถั่ว ไข่ต้ม

  • อาหารที่ชวนกิน: ปรุงรสอ่อน ๆ แต่ไม่จืดจนเสียความอยาก ทรงเครื่องด้วยสมุนไพร/ซอสที่ไม่เค็มเกินไป

  • เสริมด้วยอาหารเสริมหรือสูตรเฉพาะ: ผลิตภัณฑ์เสริมแคลอรี่/โปรตีน (oral nutritional supplements) ถ้ารับประทานได้และแพทย์/นักโภชนาการเห็นสมควร

6) ปรับตามปัญหาพิเศษ

  • ปัญหาการกลืน (dysphagia):

    • ปรับเนื้ออาหารเป็นบด/นิ่ม/ปั่นหรือเจลลี่ หนืด/ข้นตามระดับที่นักกลืนแนะนำ

    • ใช้น้ำข้น (thickened liquids) เมื่อต้องการลดความเสี่ยงสำลัก

    • ให้ผู้เชี่ยวชาญการกลืนประเมิน (SLP)

  • ฟัน/เหงือกไม่ดี: จัดอาหารนุ่ม ร้อนพอเหมาะ และพบทันตแพทย์ถ้าทำได้

  • เบื่ออาหาร/ซึมเศร้า: ตรวจประเมินสุขภาพจิต ให้บรรยากาศการกินที่ดี ชวนเพื่อน/ครอบครัวมากินด้วย

  • โรคเรื้อรัง / ยา: ตรวจตารางยา — ยาขับปัสสาวะ/ยาบางชนิดทำให้ขาดน้ำ หรือลดความอยากอาหาร ปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจทบทวนยา

7) ขั้นตอนและกิจวัตรที่แนะนำสำหรับผู้ดูแล

  • ทำ ตารางบันทึกอาหารและน้ำ รายวัน — จำนวนมื้อ ปริมาณ (มิลลิลิตร/กรัม) และน้ำหนักผู้สูงอายุ

  • เตรียมของว่างพกพา และวางไว้ใกล้มือ (น้ำ, นม, โยเกิร์ต)

  • จัด สภาพแวดล้อมให้สะดวก: แสงดี ที่นั่งสบาย โต๊ะระดับเหมาะสม เพลงเบา ๆ เพิ่มบรรยากาศ

  • ชวนกินเป็นช่วงสั้น ๆ (เช่น 20–30 นาทีต่อมื้อ) แทนการบังคับ

  • ฝึกให้ผู้สูงอายุ ดื่มก่อนกิน 10–15 นาที และจิบระหว่างมื้อเสมอ

  • ตรวจดูสัญญาณเตือนและรายงานแพทย์เมื่อน้ำหนักลดหรือมีอาการผิดปกติ

8) ตัวอย่างแผนมื้อและตารางน้ำแบบปฏิบัติได้จริง

ตัวอย่างเป้าหมายของเหลว: ≈1.8 ลิตร/วัน (สำหรับคน 60 กก.)
ตัวอย่างตารางดื่ม (ประมาณ):

  • 07:00 — 200 mL (น้ำ/น้ำผลไม้เจือจาง/นม)

  • 09:00 — 150 mL (น้ำหรือโยเกิร์ต)

  • 11:00 — 200 mL (ซุปหรือเครื่องดื่มให้พลังงาน)

  • 13:00 — 150 mL

  • 15:00 — 200 mL (สมูทตี้/นม)

  • 17:00 — 200 mL (น้ำ/ซุป)

  • 20:00 — 200 mL (นมอุ่น/น้ำ)

  • รวม ≈1,500–1,700 mL + ขณะกินอาหาร/ของว่างอีกเล็กน้อย → ใกล้เป้าหมาย

ตัวอย่างเมนูรายวัน (มื้อเล็ก 5 มื้อ):

  • เช้า: ข้าวต้มปลา ไข่ลวก ผลไม้ขนาดเล็ก

  • กลางเช้า: โยเกิร์ต + ซีเรียลนิ่ม

  • เที่ยง: ข้าวสวยน้อย + ไก่ผัดนิ่ม + ผักสุก + ซุปใส

  • บ่าย: สมูทตี้กล้วยผสมผงโปรตีน หรือแซนด์วิชเนื้อละเอียด

  • เย็น: โจ๊กหมู/ปลา + ผักต้ม + นมอุ่นก่อนนอน

9) เมื่อต้องพบนักโภชนาการหรือแพทย์

  • หากน้ำหนักลดมาก น้ำดื่มน้อยลงอย่างต่อเนื่อง มีอาการสับสน หัวใจเต้นเร็ว ปัสสาวะน้อยมาก หรือมีโรคประจำตัวที่จำกัดปริมาณน้ำ/เกลือ — ควรพาไปพบแพทย์ทันที

  • ขอส่งตรวจ/ปรึกษา: นักโภชนาการ (dietitian) นักแก้ปัญหาการกลืน (speech-language pathologist), ทันตแพทย์ และทีมพยาบาลสำหรับแผนเฉพาะบุคคล

10) สัญญาณเร่งด่วนต้องพบแพทย์ทันที

  • สับสนรุนแรง/มึนงง ไม่รู้ตัว หรือหมดสติ

  • ปัสสาวะน้อยมาก (เช่น แทบไม่ปัสสาวะทั้งวัน) หรือมีเลือดปนในปัสสาวะ

  • หายใจเร็ว หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ ความดันต่ำจนหน้ามืด

  • อ่อนแรงอย่างฉับพลันหรือพูดไม่ชัด

สรุปสั้น ๆ ที่ควรทำทันที

  1. ตั้งเตือนให้ดื่มเป็นรอบ ๆ (ทุก 1–2 ชั่วโมง) และวางน้ำไว้ใกล้มือ

  2. แบ่งมื้อเป็นมื้อเล็ก 4–6 มื้อต่อวัน เลือกอาหารนุ่ม ย่อยง่าย เพิ่มความหนาแน่นพลังงาน/โปรตีนเมื่อกินได้น้อย

  3. ตรวจน้ำหนักสม่ำเสมอ บันทึกอาหารและน้ำที่ดื่ม

  4. ปรึกษาแพทย์/นักโภชนาการเมื่อมีน้ำหนักลดมากหรืออาการผิดปกติ

  5. ปรับแผนตามปัญหาเฉพาะ (dysphagia, ยา, โรคหัวใจ/ไต)

แชร์บทความให้ความรู้

Facebook
Email
Threads
X